ออฟฟิศซินโดรม Office Syndrome ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่ทำงานหนักในสำนักงาน เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทำงานในสำนักงานตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานนั่งเป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหลัง หรือไม่สบายตามตัว เช่น ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดข้อต่างๆ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่มีความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือเป็นโรคเกี่ยวกับการไหลเวียนเลือด อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเป็นในกลุ่มเสี่ยง

Office Syndrome เกิดจากการนั่งเป็นเวลานานๆ ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่างๆ มีการสึกหรืออักเสบได้ การนั่งตั้งแต่ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้เกิดการกดทับที่หลัง และพากันเกิดปวดหลัง การนั่งตั้งแต่ 2 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้เกิดการกดทับที่ไหล่และข้อศอก ส่งผลให้เกิดอาการปวดไหล่ และปวดข้อศอก นอกจากนี้การนั่งนานๆ ยังส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี เพราะการนั่งนานๆ ทำให้เกิดการหยุดโลหิตเนื่องจากการยืดเหยียดส่วนต่างๆ ของร่างกายของเราไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นปกติ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย

วิธีป้องกันอาการ ออฟฟิศซินโดรม Office Syndrome

คือ การเลือกนั่งเก้าอี้ที่มีหมอนส่วนหลัง เพื่อให้หลังสบาย การนั่งตั้งเป็นเวลาไม่เกิน 30 นาทีละ และใช้เวลาไปเดินเพื่อทำการยืดเหยียดตัวให้ดี พยายามหลีกเลี่ยงการนั่งต้องก้มหรือยืดตัวมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลไม่ดีต่อร่างกาย แต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำงานนั่งเป็นเวลานานๆ ได้ เราสามารถยกตัวขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปไหล่กว่างๆ บ้าง หรือทำการยืดเหยียดตัวให้ดีก่อนที่จะนั่งลงเป็นอีกครั้ง ในกรณีที่มีอาการไปแล้ว สามารถนวดหลัง หรือไหล่ เพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ ไม่ควรปล่อยให้อาการเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ

ในท้ายที่สุด เราควรปรับพฤติกรรม และทำการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และข้อต่างๆในร่างกายให้เข้มแข็ง และแข็งแกร่ง เช่นการวิ่ง โยคะ ยิม แอโรบิค หรือนอยด์ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่สามารถช่วยลดการเกิดอาการออฟฟิศซินโดรม ผู้ที่ทำงานนั่งเป็นเวลานานๆ ควรระมัดระวังการพักผ่อน และการดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย

เทคนิคการทำงานอย่างไรไม่ให้เสียสุขภาพ

หลายคนเคยพบเจอช่วงเวลาที่รู้สึกว่าไม่มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ หรือโดยเฉพาะกับผู้ที่ทำงานระยะยาว อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามีปัญหาด้านสุขภาพเกิดขึ้น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการทำงานที่ไม่ให้เสียสุขภาพให้กับเรา

หากต้องการทำงานโดยไม่เสียสุขภาพ คุณควรเพิ่มปริมาณการออกกำลังกาย จำนวนนัดพบแพทย์ และการรับประทานอาหารสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีเทคนิคอื่นๆที่คุณสามารถทำเพื่อเสริมสร้างสุขภาพของคุณได้อีกด้วย

1. เทคนิคแรกคือการเพิ่มอัตราการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มพลังงาน และความอ่อนไหวในร่างกายของคุณ นั่นหมายความว่าคุณจะอยู่ในสภาพที่ดีกว่าในขณะที่ทำงาน เช่นการเดินขึ้นลงบันไดหรือจักรยานปั่นเป็นต้น
2. เทคนิคที่สองคือการพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพราะ การพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเช็คสุขภาพของคุณว่าเป็นอย่างไร รวมถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณในอนาคต บางครั้งเราอาจมีปัญหาด้านสุขภาพโดยที่ไม่รู้ตัว เช่นไอเรื้อรัง หรืออาการเจ็บคอ การเยี่ยมแพทย์จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้และช่วยป้องกันอาการที่เป็นภัยต่อสุขภาพ
3. เทคนิคสุดท้ายคือการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะการรับประทานอาหารจะเป็นการให้พลังงานแก่ร่างกาย เพื่อให้ได้ทำงานต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เลือกตัวเลือกที่เป็นอาหารที่มีโปรตีนเพียงพอ คาร์โบไฮเดรต และไขมันดี เช่นผักและผลไม้ขนาดใหญ่ เนื้อสัตว์ที่ปรุงด้วยวิธีที่เหมาะสม และอาหารที่ไม่มีไขมันสูง

เพียงแค่ทำตามเทคนิคเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง คุณก็จะสามารถทำงานโดยไม่เสียสุขภาพและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณอีกต่อไป